ถาม - ตอบ
1. ผู้ถือหุ้นหลักของอีสท์วอเตอร์เป็นใคร
ตอบ : ผู้ถือหุ้นประมาณ 45% เป็นหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดปริมาณน้ำจำหน่ายเพิ่มเติมได้ที่
2. นโยบายการจ่ายเงินปันผล
ตอบ: คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายที่จะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมภายหลังหักเงินสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี รวมถึงความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆตามที่บริษัทเห็นสมควร
3. กระบวนการส่งจ่ายน้ำดิบให้ลูกค้า
ตอบ: ระบบท่อส่งน้ำที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการสูบจ่ายน้ำ ระบบนี้มีหลักการทำงาน คือ สถานีสูบน้ำจะสูบน้ำจากแหล่งน้ำ (อ่างเก็บน้ำ) ไปยังสถานียกระดับน้ำซึ่งมีความสูงมากกว่าสถานีรับน้ำปลายทาง โดยสถานียกระดับน้ำ จะทำหน้าที่ควบคุมแรงดันของน้ำในการส่งน้ำต่อไปยังสถานีรับน้ำปลายทางโดยแรงโน้มถ่วงของโลก และอาจจะมีการติดตั้งสถานีรับน้ำขึ้นระหว่างทางเพื่อสูบน้ำไปยังสถานียกระดับน้ำเป็นช่วงๆ เพื่อเพิ่มแรงดันของน้ำในกรณีที่ท่อส่งน้ำมีความยาวกว่าปกติ
4. วิธีการปรับปรุง หรือซ่อมแซมท่อน้ำ
ตอบ: ทางบริษัทฯ ได้ศึกษาและนำเทคโนโลยีการต่อประสานท่อโดยไม่หยุดจ่ายนํ้า (Hot Tapping / Wet Tapping) โดยมีกระบวนการก่อสร้างระบบป้องกันดินพังและทำการขุดหน้าดินถึงระดับท่อส่งน้ำเดิม แล้วจึงทำการเชื่อมท่อเก่ากับท่อใหม่ ทำให้สามารถซ่อมบำรุงท่อ Reroute แนวท่อใหม่ หรือทำท่อแยกเพื่อสูบส่งน้ำไปยังจุดอื่น โดยไม่ต้องหยุดระบบการจ่ายน้ำให้กับผู้ใช้บริการ
5. SCADA คืออะไร
ตอบ: SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) คือ ระบบการควบคุมการสูบส่งน้ำทางไกลแบบศูนย์รวม เป็นระบบซึ่งนำเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่มาใช้ เพื่อช่วยให้ทราบข้อมูลของแรงดันและปริมาณน้ำในเส้นท่อทั้งโครงข่ายฯ รวมถึงปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ โดยส่งตรงเข้าศูนย์ปฏิบัติการกลาง ทำให้สามารถติดตามผลและแก้ไขปัญหาการส่งน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดการสูญเสียน้ำในเส้นท่อ จาก 20% เหลือเพียงไม่เกิน 3% ภายในระยะเวลา 3 ปีี
6. อัตราค่าน้ำของบริษัท
ตอบ: บริษัทกำหนดกลุ่มลูกค้าและอัตราค่าน้ำ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- 1. กลุ่มลูกค้าภาคอุปโภคบริโภค ได้แก่ กิจการที่ใช้น้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาส่งให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และชุมชนต่าง ๆ โดยกำหนดอัตราค่าน้ำที่ 9.90 บาทต่อลบ.ม.
- 2. กลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม (มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2564) แบ่งออกเป็น
- 2.1 ค่าน้ำแบบอัตราคงที่ แยกตามพื้นที่ให้บริการ รายละเอียดดังนี้
ประเภทผู้ใช้น้ำ | อัตราจำหน่ายปี 2565 | อัตราค่าน้ำส่วนเพิ่มปี 2565 |
---|---|---|
(บาทต่อลบ.ม.) | (บาทต่อลบ.ม.) | |
1. พื้นที่มาบตาพุด | 11.50 | 0.97 |
2. พื้นที่ปลวกแดง-บ่อวิน | 11.50 | 0.89 |
3. พื้นที่ฉะเชิงเทรา | 12.50 | 0.96 |
4. พื้นที่ชลบุรี | 12.50 | 1.00 |
หมายเหตุ :
- 1. อัตราค่าน้ำข้างต้นนี้ ใช้สำหรับผู้ใช้น้ำที่รับน้ำดิบจากบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนเท่านั้น หากผู้ใช้น้ำหยุดรับน้ำจากบริษัทฯ เกินกว่า 2 เดือนต่อปี หรือรับน้ำไม่ถึงร้อยละ 50 ของปริมาณน้ำจัดสรรที่ได้รับ หรือปริมาณที่ตกลงไว้ในแต่ละปี บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิยกเลิกสัญญา ซื้อขายน้ำดิบ หรือคิดอัตราค่าน้ำดิบตามที่เห็นว่าสมควร
- 2. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการทบทวนอัตราค่าน้ำดิบให้สอดคล้องกับต้นทุนการบริหาร และสูบจ่ายน้ำดิบตามสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ๆ ได้ตามสมควร
- 2.2 ค่าน้ำแบบสูตรโครงสร้างราคา กำหนดการคำนวณค่าน้ำรายเดือนตามสูตรการคำนวณค่าน้ำ ดังนี้
Monthly Payment (ค่าน้ำจำหน่ายรายเดือน) = (RF*(Dc /12)) + (DF*QA) + (UF*VA)
คำนิยาม | หน่วย | ความหมาย |
---|---|---|
Dc | ลูกบาศก์เมตรต่อปี | ปริมาณน้ำตามสัญญา |
QA | ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน | ปริมาณการรับน้ำสูงสุดในแต่ละเดือน คำนวณจากปริมาณรับน้ำจริงของผู้ใช้น้ำในแต่ละเดือนหารชั่วโมงการรับน้ำในเดือนดังกล่าว หรือ 70% ของการรับน้ำต่อชั่วโมงสูงสุดในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง โดยใช้ค่าที่สูงกว่าเป็นหลัก |
VA | ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง | ปริมาณการรับน้ำจริงของผู้ใช้น้ำในแต่ละเดือน |
Hr | ชั่วโมง | ชั่วโมงการรับน้ำในแต่ละเดือน |
RF | บาทต่อลูกบาศก์เมตร | อัตราคงที่ที่กำหนดสำหรับการคำนวณการรับประกันปริมาณน้ำตามสัญญา (Dc) ในแต่ละปี |
DF | บาทต่อลูกบาศก์เมตร | อัตราคงที่ที่กำหนดสำหรับการคำนวณการรับรองความต้องการปริมาณน้ำสูงสุด |
UF | บาทต่อลูกบาศก์เมตร | อัตราคงที่แปรผัน |
- 2.3 ค่าน้ำสำหรับผู้ใช้น้ำกลุ่มที่มีความประสงค์รับซื้อน้ำเป็นการชั่วคราว หรือเฉพาะกาล ซึ่งบริษัทฯ กำหนดอัตราราคาขายปลีกที่ 16.45 บาท ต่อ ลบ.ม. โดยมีเงื่อนไขการรับน้ำเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
7. การแก้ไขปัญหาการคัดเลือกเอกชนเช่าบริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ที่เกิดขึ้นในปี 2564
- โครงการเร่งด่วนกรณีไม่ได้รับการเช่าบริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์
- โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำเชื่อมโยงระบบ Water Grid เสริมสร้าง Water Security ให้กับระบบส่งน้ำในภาคตะวันออก
- การติดต่อประสานงานลูกค้าเพื่อสร้างความมั่นใจในการส่งจ่ายน้ำให้ลูกค้า โดยไม่ได้รับผลกระทบ
- การดำเนินการด้านสัญญาการเช่าบริหารระบบท่อส่งน้ำของกรมธนารักษ์อย่างต่อเนื่อง
ในการดำเนินการที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การดำเนินการไม่ส่งผลกระทบในการสูบส่งน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำของบริษัททุกราย
8. การออกหุ้นกู้ของบริษัท
ตอบ: เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ จำนวน 2,400 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ค่าก่อสร้างโครงการทับมาและโครงการวางท่อประแสร์-หนองปลาไหล และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,600 ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้
หุ้นกู้ครั้งที่ | ประเภทหุ้นกู้ | มูลค่าที่ออก (ล้านบาท) |
อายุ (ปี) |
วันครบกำหนดไถ่ถอน | อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) |
---|---|---|---|---|---|
1/2558 ชุดที่ 1 |
หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ |
1,200 | 7 | 16 มิ.ย. 2565 | 3.84 |
1/2558 ชุดที่ 2 |
หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ |
1,200 | 10 | 16 มิ.ย. 2568 | 4.18 |
1/2565 ชุดที่ 1 |
หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ |
850 | 5 | 31 พ.ค. 2570 | 3.53 |
1/2565 ชุดที่ 2 |
หุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ |
750 | 10 | 31 พ.ค. 2575 | 4.52 |
หมายเหตุ : หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2558 ชุดที่ 1 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565
9. สถานการณ์ปริมาณน้ำในพื้นที่และความเตรียมพร้อมในการป้องกันความขาดแคลนน้ำ
ตอบ: ท่านสามารถติดตามสถานการณ์น้ำและความคืบหน้าของโครงการระหว่างก่อสร้างได้ที่
10. ต้นทุนหลักของบริษัทมีอะไรบ้าง
ตอบ: ต้นทุนหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำดิบ ได้แก่ ค่าเสื่อมราคาของระบบสูบจ่าย ค่าไฟฟ้าในการสูบจ่ายน้ำไปยังพื้นที่ต่าง ๆ และค่าบำรุงรักษา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 80% ของต้นทุนทั้งหมด ต้นทุนอีกประมาณ 20% ที่เหลือเป็นค่าน้ำดิบ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรในระบบสูบจ่าย สำหรับต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำประปา ได้แก่ ค่าเสื่อมราคา และค่าน้ำดิบ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 60% ของต้นทุนทั้งหมด และต้นทุนส่วนที่เหลือประมาณ 40% เป็นค่าใช้จ่ายพนักงาน Outsource ค่าซ่อมบำรุง ค่าสารเคมี ค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
11. บริษัทจำหน่ายน้ำดิบและน้ำประปาได้ประมาณเท่าไหร่ต่อปี
ตอบ: ปี 2563 บริษัทจำหน่ายน้ำดิบปริมาณ 229,040,200.00 ลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมปริมาณน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา) และจำหน่ายน้ำประปาปริมาณ 97,715,772.81 ลูกบาศก์เมตร
ปี 2564 บริษัทจำหน่ายน้ำดิบปริมาณ 264,314,359.10 ลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมปริมาณน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา) และจำหน่ายน้ำประปาปริมาณ 97,062,458.18 ลูกบาศก์เมตร
ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บริษัทจำหน่ายน้ำดิบปริมาณ 65,237,017.00 ลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมปริมาณน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา) และจำหน่ายน้ำประปาปริมาณ 22,440,400.48 ลูกบาศก์เมตร โดยท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดปริมาณน้ำจำหน่ายเพิ่มเติมได้ที่ (http://investor.eastwater.com/th/publications/water-report)
12. ลูกค้าของอีสท์วอเตอร์เป็นใคร
ตอบ : ประมาณ 70% ของลูกค้าน้ำดิบเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรม นอกเหนือจากนั้นลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่ใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เช่น การประปาส่วนภูมิภาค เทศบาล หมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น
13. อีสท์วอเตอร์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
ตอบ : กลุ่มบริษัทอีสต์วอเตอร์ดำเนินธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภคด้านบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร โดยการบริหารจัดการและพัฒนาระบบท่อส่งน้ำสายหลักในพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำของชุมชนและกิจกรรมในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคอุปโภคบริโภคและภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทให้บริการส่งจ่ายน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยผ่านระบบท่อส่งน้ำสายหลักเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำ (Water Grid) ที่ทันสมัยและสมบูรณ์ที่สุดรวมความยาวกว่า 512 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน แหล่งน้ำของเอกชน และแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้รับอนุญาตกับลูกค้าในพื้นที่บริการทั้ง 3 จังหวัด นอกจากนี้ อีสท์วอเตอร์ได้จัดตั้งบริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท UU เพื่อดำเนินธุรกิจต่อเนื่องด้านน้ำ ได้แก่ การผลิตน้ำประปาจากน้ำผิวดินและน้ำทะเล การบำบัดน้ำเสีย และน้ำรีไซเคิล โดยบริษัท UU ให้บริการกับลูกค้าทั้งหน่วยงานราชการ นิคมอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม